การย้อนดูว่าเทคโนโลยีป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์ (ESLs) เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรตั้งแต่ปรากฏตัวครั้งแรก ช่วยให้เห็นได้ว่าเทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลเพียงใด รุ่นแรกๆ ใช้หน้าจอ LCD พื้นฐานที่แทบจะแสดงการอัปเดตรราคาได้อย่างจำกัด แต่สิ่งต่างๆ เริ่มมีความก้าวหน้าขึ้นเมื่อผู้ผลิตเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีอีเพเปอร์ (e-paper) วิธีการใหม่นี้ทำให้ป้ายมีความคมชัดในการอ่านมากขึ้น และยังช่วยลดการใช้พลังงานอีกด้วย สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับอีเพเปอร์คือ มันใช้งานได้ดีไม่ว่าสภาพแสงในร้านค้าจะเป็นอย่างไร ซึ่งแตกต่างจาก LCD รุ่นเก่าที่มีข้อจำกัดด้านนี้ งานวิจัยบางชิ้นยังพบอีกว่า จอแสดงผลแบบอีเพเปอร์สามารถเพิ่มทัศนวิสัยได้ดีขึ้นประมาณ 40% เมื่อเทียบกับตัวเลือกแบบดั้งเดิมในสภาพแวดล้อมร้านค้าจริง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมร้านค้าจำนวนมากจึงหันมาชอบใช้เทคโนโลยีนี้ในปัจจุบัน บริษัทอย่าง SES-imagotag และ Pricer ต่างเป็นผู้บุกเบิกในการพัฒนาระบบเหล่านี้ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงความคาดหวังของผู้ซื้อในเรื่องป้ายดิจิทัล ร้านค้าที่นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ ไม่ได้ประหยัดค่าไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถดึงดูดความสนใจลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น และดำเนินการจัดการร้านค้าได้อย่างราบรื่นในทุกๆ วัน
ผู้ค้าปลีกต่างได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเปลี่ยนจากการใช้เทคโนโลยีอินฟราเรดเก่า มาเป็น NFC สำหรับการถ่ายโอนข้อมูล ในช่วงเวลาที่การสื่อสารด้วยอินฟราเรดครองตลาด ESL ผู้ค้าต้องเผชิญกับปัญหาจริงๆ เช่น ความเร็วที่ช้า และการต้องมีเส้นทางตรงระหว่างอุปกรณ์ ซึ่งทำให้บริษัทต่างๆ ต้องมองหาทางแก้ไขที่ดีกว่า นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของเทคโนโลยี NFC ที่ทำให้การทำธุรกรรมรวดเร็วขึ้นมาก และช่วยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมตลอดการช้อปปิ้ง ตัวอย่างเช่น ESL ที่รองรับ NFC ป้ายแสดงราคาดิจิทัลเหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC มากกว่า 3 พันล้านเครื่องทั่วโลก นอกจากช่วยให้การชำระเงินลื่นไหลขึ้นแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังช่วยในการจัดการสินค้าคงคลังอีกด้วย พนักงานร้านค้าใช้เวลาน้อยลงในการปรับปรุงราคาด้วยตนเอง และลูกค้าก็ไม่ต้องรอคิวนานที่จุดชำระเงินอีกต่อไป ความแตกต่างนี้เห็นได้ชัดเจนในพื้นที่ขายสินค้า ร้านค้ารายงานว่ามีข้อผิดพลาดในการนับสินค้าคงคลังลดลง ด้วยฉลากอัจฉริยะเหล่านี้ ซึ่งหมายความว่าสินค้าจะสดใหม่บนชั้นวางได้นานขึ้น โดยไม่หายไปในระบบใดระบบหนึ่ง
การรวมระบบป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์เข้ากับระบบวิเคราะห์ข้อมูลค้าปลีกและระบบอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) ได้เปลี่ยนวิธีการจัดการสต็อกสินค้าในร้านค้าไปโดยสิ้นเชิง ทำให้สามารถแชร์ข้อมูลแบบทันทีระหว่างแผนกต่าง ๆ ได้ ผู้ค้าปลีกจึงสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์บนชั้นวางสินค้าได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งหมายถึงการควบคุมระดับสต็อกได้ดีขึ้น และมีสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น บริษัทอย่าง Walmart และ Zara ได้เริ่มใช้ระบบอัจฉริยะเหล่านี้ในสาขาจำนวนมากแล้ว จากประสบการณ์ของพวกเขาแสดงให้เห็นว่า เมื่อร้านค้าสามารถติดตามรูปแบบการขายแบบเรียลไทม์ พวกเขาจะตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าได้ดีขึ้น และทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น ในอนาคตยังมีโอกาสพัฒนาเพิ่มเติมอีกมาก ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าเทคโนโลยี ESL อาจช่วยลดของเสียในห่วงโซ่อุปทานได้ถึง 30% เมื่อเครือข่าย IoT มีความซับซ้อนและก้าวหน้ามากขึ้นทุกปี ป้ายแสดงราคาดิจิทัลเล็ก ๆ เหล่านี้กำลังเริ่มมีบทบาทสำคัญในการรวบรวมข้อมูลการซื้อขายที่มีค่า แนวโน้มนี้บ่งชี้ว่าเราอาจได้เห็นร้านค้าที่ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคได้เกือบจะทันทีทันใด แทนที่จะต้องพึ่งพาการรายงานรายสัปดาห์แบบเดิม
ร้านค้าปลีกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยเหตุผลมาจากระบบป้ายแสดงราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ESLs อุปกรณ์แสดงผลดิจิทัลขนาดเล็กเหล่านี้ช่วยให้ร้านค้าสามารถปรับปรุงราคาสินค้าได้ทันที และปรับกลยุทธ์ด้านราคาได้ตามความต้องการ ผู้ค้าปลีกสามารถเปลี่ยนแปลงราคาได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ในตลาด หรือจากสิ่งที่คู่แข่งกำลังทำอยู่ ซึ่งช่วยให้พวกเขามีข้อได้เปรียบอย่างมาก การศึกษาล่าสุดพบว่าธุรกิจบางแห่งมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 70 ดอลลาร์ต่อผลิตภัณฑ์ เมื่อเปลี่ยนจากระบบป้ายราคาแบบดั้งเดิมมาใช้ป้ายอัจฉริยะเหล่านี้ ความสามารถในการปรับราคาได้อย่างง่ายดายไม่ได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าของร้านค้าเท่านั้น ลูกค้ามักมีแนวโน้มซื้อสินค้าแบบทันใจมากขึ้นเมื่อเห็นราคาเปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งวัน และลูกค้าหลายคนยังเริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อแบรนด์มากขึ้น เพราะรู้สึกว่าพวกเขาได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าและได้คุณค่าที่คุ้มค่ามากกว่าเดิม
ป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์ช่วยทำให้การเปลี่ยนแปลงราคาเป็นอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ร้านค้าประหยัดเงินจำนวนมากที่มิเช่นนั้นจะต้องใช้ไปกับการปรับปรุงข้อมูลด้วยวิธีการ manual ร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศต่างพบว่าจำนวนชั่วโมงการทำงานของพนักงานลดลงอย่างมากเพราะเทคโนโลยีนี้ ยกตัวอย่างเช่น หนึ่งในเครือข่ายร้านค้าระบุว่าสามารถประหยัดเวลาการทำงานของพนักงานได้ประมาณ 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพียงแค่ปรับปรุงราคาสินค้า แล้วในทางปฏิบัตินั้นหมายความว่าอย่างไร? พนักงานไม่ต้องติดอยู่ที่จุดแคชเชียร์ตลอดทั้งวันเพื่อเปลี่ยนป้ายราคาอีกต่อไป จากเดิมที่ต้องทำงานเหล่านั้น พวกเขาสามารถออกมาให้บริการลูกค้า ช่วยลูกค้าในการค้นหาสินค้า หรือแม้แต่เสนอขายสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมระหว่างการพูดคุย เมื่อพนักงานไม่จำเป็นต้องวิ่งไปวิ่งมาตลอดระหว่างห้องเก็บสินค้าและชั้นวางสินค้า พนักงานก็จะมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากขึ้น และพูดง่ายๆ ก็คือ พนักงานที่มีความสุขมักจะสร้างลูกค้าที่มีความสุขได้ ซึ่งสุดท้ายก็จะช่วยเพิ่มผลประกอบการของธุรกิจที่นำระบบเหล่านี้ไปใช้
ป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์ช่วยลดข้อผิดพลาดด้านราคาที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อใช้ป้ายกระดาษแบบเดิม เมื่อราคาที่แสดงตรงกับราคาที่เก็บเงินที่แคชเชียร์ ร้านค้าจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ลูกค้าเห็นราคาหนึ่งแต่ถูกเรียกเก็บอีกราคาหนึ่ง ผู้ค้าปลีกที่เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี ESL รายงานว่าปัญหาราคาผิดพลาดลดลงอย่างมาก เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนป้ายด้วยวิธีการแบบเดิมอีกต่อไป ระบบจะทำการอัปเดตเองโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการจัดโปรโมชันหรือเปลี่ยนแปลงราคา นอกจากความพึงพอใจของลูกค้าแล้ว ป้ายดิจิทัลเหล่านี้ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยราคาที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างทันสมัย ร้านค้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะละเมิดข้อกำหนดโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากป้ายจะอัปเดตข้อมูลโดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจปลอดจากปัญหาทางกฎหมาย แต่ยังสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคที่มั่นใจว่าจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมแบบแอบแฝง
ในปัจจุบัน การรักษาราคาให้สอดคล้องกันระหว่างเว็บไซต์และร้านค้าทางกายภาพมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแนวทางแบบ omnichannel ป้ายราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้แน่ใจว่า ลูกค้าจะเห็นราคาบนชั้นวางสินค้าในร้านตรงกับสิ่งที่ปรากฏอยู่บนออนไลน์ เมื่อราคาสอดคล้องกันทุกช่องทาง ผู้ซื้อมักจะไว้วางใจแบรนด์มากขึ้น เพราะพวกเขาจะไม่พบกับสถานการณ์ที่น่ารำคาญ ที่สินค้าราคาหนึ่งบนออนไลน์ แต่กลับมีราคาแตกต่างออกไปเมื่ออยู่ตรงหน้าที่ร้านค้า ตัวอย่างเช่น Hy-Vee พวกเขาได้เริ่มใช้ป้ายราคาดิจิทัลในประมาณ 230 แห่ง ซึ่งช่วยให้กลยุทธ์ด้านราคาของพวกเขาสมบูรณ์ และทำให้การช้อปปิ้งราบรื่นขึ้นสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง การวิจัยแสดงให้เห็นว่าประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้คนรู้สึกหงุดหงิดเมื่อพบว่าสินค้าราคาเดียวกันมีราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับที่พวกเขาไปมอง ดังนั้น ร้านค้าที่ลงทุนในเทคโนโลยีป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์ไม่เพียงแค่จัดการราคาให้ถูกต้อง แต่ยังเพิ่มชื่อเสียงของแบรนด์อีกด้วย เนื่องจากลูกค้าชื่นชมความมั่นใจที่ว่าพวกเขาจะไม่ถูกประหลาดใจเมื่อถึงเวลาชำระเงิน
ผู้ค้าปลีกพบว่าการเพิ่มแท็กดิจิทัลที่สามารถระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เข้าไปในระบบสินค้าคงคลัง ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงการติดตามสินค้าบนชั้นวางของ ฉลากอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ช่วยให้มองเห็นระดับสต็อกสินค้าได้ชัดเจนขึ้นมาก และลดสถานการณ์สินค้าหมดซึ่งสร้างความหงุดหงิดได้ ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งแบบเรียลไทม์ช่วยให้ร้านค้าสามารถควบคุมการหมุนเวียนสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น และลดของเสีย โดยเฉพาะสินค้าที่เน่าเสียง่าย เช่น ผักผลไม้สดหรือผลิตภัณฑ์จากนม ตัวอย่างเช่น ร้านค้าปลีกอาหารหลายแห่งตอนนี้ใช้ฉลากชั้นวางสินค้าแบบดิจิทัลเพื่อจัดการวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์อย่างชาญฉลาด เมื่อสินค้าใกล้หมดอายุ ราคาจะถูกปรับลดลงโดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าของที่ถูกทิ้งจะลดลง และชั้นวางสินค้าก็ยังคงเต็มอยู่ตลอดเวลา บางห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่รายงานว่ามีการปรับปรุงการหมุนเวียนสินค้าคงคลังหลังติดตั้งเทคโนโลยีนี้ โดยมีผู้ค้าปลีกใหญ่รายหนึ่งลดของเสียในหมวดอาหารได้ประมาณร้อยละ 20 ภายในหกเดือน ผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเหตุใดบริษัทจำนวนมากจึงลงทุนในโซลูชันฉลากชั้นวางสินค้าแบบดิจิทัล แม้จะมีต้นทุนในการติดตั้งในระยะแรก
การนำป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ได้เปลี่ยนวิธีการจัดโปรโมชันของร้านค้าไปโดยสิ้นเชิง ช่วยให้สามารถเสนอข้อเสนอพิเศษที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายได้โดยตรง ณ จุดขาย ขณะนี้ ผู้ค้าปลีกใช้ข้อมูลของผู้ซื้อเพื่อสร้างข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ซึ่งช่วยกระตุ้นความสนใจและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีงานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า วิธีการแบบเฉพาะบุคคลนี้สามารถเพิ่มอัตราการขายได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ประเด็นก็คือ เมื่อลูกค้าเห็นข้อเสนอที่ถูกออกแบบมาเฉพาะตัว พวกเขามักตัดสินใจซื้อจากสิ่งที่มีความหมายต่อตนเองที่สุด อย่างไรก็ตาม การใช้ข้อมูลจำนวนมากในการทำการตลาดยังคงมีคำถามทางจริยธรรมที่สำคัญ ร้านค้าจำเป็นต้องมีความโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล หากต้องการให้ลูกค้ามีความไว้วางใจ ผู้บริโภคมักตอบรับโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น เมื่อพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเบื้องหลังอย่างแท้จริง การหาจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลและการปกป้องความเป็นส่วนตัวจึงยังคงเป็นหัวใจสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า พร้อมทั้งได้รับประโยชน์จากการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์
ตัวเลขที่อยู่เบื้องหลังป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์บนชั้นวางสินค้า (ESLs) นั้นน่าประทับใจมากทีเดียว ผู้ค้าปลีกจำนวนมากรายงานว่าสามารถคืนทุนได้อย่างรวดเร็ว โดยมักใช้เวลาคืนทุนภายในหนึ่งปี และบางรายพบว่าอัตราผลตอบแทนการลงทุนสูงถึงประมาณ 400% ในระยะยาว ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบเหล่านี้ดูเหมือนจะคุ้มค่าเมื่อพิจารณาจากต้นทุนที่ประหยัดได้ในการดำเนินงานประจำวัน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขาย รายงานล่าสุดโดย Astute Analytica พบว่าร้านค้าที่ใช้ ESLs สามารถปรับราคาสินค้าได้รวดเร็วกว่าวิธีการแบบดั้งเดิมมาก ซึ่งหมายความว่าพนักงานใช้เวลาน้อยลงในการเปลี่ยนป้ายราคาสินค้าหลายร้อยรายการด้วยตนเอง ช่วยลดค่าใช้จ่ายแรงงานและข้อผิดพลาดในการกำหนดราคาสินค้า ตัวอย่างเช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางบางแห่งที่เปลี่ยนมาใช้ ESLs เมื่อปีที่แล้วสามารถลดภาระงานในการจัดการสินค้าคงคลังลงได้เกือบครึ่งหนึ่ง พร้อมกับเห็นการเพิ่มขึ้นของการซื้อสินค้าของลูกค้าอย่างชัดเจน ข้อมูลทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมธุรกิจจำนวนมากจึงยินดีลงทุนแม้จะต้องใช้เงินก้อนเริ่มต้นจำนวนมาก เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และทำให้ชั้นวางสินค้าดูสดใหม่และมีข้อมูลที่ถูกต้อง ย่อมเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดสำหรับผู้ค้าปลีกที่จริงจังกับการรักษาความสามารถในการแข่งขัน
การเปลี่ยนไปใช้ป้ายชั้นวางสินค้าแบบดิจิทัลช่วยลดขยะกระดาษได้อย่างมีนัยสำคัญ ผู้ค้าปลีกที่ต้องการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมพบว่า ป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์ (ESLs) เข้ากับแผนความยั่งยืนของพวกเขาได้อย่างดี เนื่องจากสามารถยกเลิกการใช้ป้ายราคาแบบกระดาษที่เราคุ้นเคยกันดี ร้านค้าขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวก็สามารถประหยัดกระดาษได้ประมาณ 10 ตันต่อปี หากเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น ผู้บริโภคในปัจจุบันดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนมากกว่าที่เคย เราเห็นได้ชัดเจนจากประสบการณ์ในร้านค้าทุกวัน ที่ลูกค้ามักสอบถามหากร้านค้ามีทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ นอกจากจะช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว ป้ายดิจิทัลยังช่วยให้การซื้อขายสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ราคาจะถูกปรับปรุงอัตโนมัติโดยไม่ต้องเปลี่ยนป้ายด้วยวิธีการแบบเดิม ทำให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำเมื่อต้องการมากที่สุด
ป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์มีสิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ค้าปลีกที่มีหลายสาขา เพราะมันช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการราคาสินค้าทั่วทุกสาขาได้อย่างแท้จริง ลักษณะดิจิทัลของป้ายเหล่านี้ทำให้สามารถนำมาใช้ร่วมกับระบบของร้านค้าเกือบทุกประเภทได้อย่างไร้ปัญหา ทำให้มันมีความยืดหยุ่นสูงมากสำหรับเครือร้านค้าที่ต้องการขยายตัว เช่น วอลมาร์ท (Walmart) และโครเกอร์ (Kroger) เป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งสองบริษัทได้เริ่มนำป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เพื่ออัปเดตราคาสินค้าแบบทันทีทันใดในทุกสาขา ทำให้ลูกค้าเห็นราคาเดียวกันไม่ว่าจะไปช้อปปิ้งที่สาขาใด สิ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีนี้ยังคงพัฒนาและดีขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ค้าปลีกรายใหญ่พบว่าการกำหนดกฎเกณฑ์ด้านราคาแบบเดียวกันไปทั่วทุกพื้นที่ ตั้งแต่ร้านค้าขนาดเล็กในชุมชนไปจนถึงศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ สามารถทำได้ง่ายขึ้น ช่วยให้การขยายตัวของธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่สูญเสียการควบคุมราคาสินค้า
2024-09-14
2024-11-18
2023-11-14
2023-04-12
2019-07-11