การนำป้ายชั้นวางสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (ESLs) มาใช้งานกำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมค้าปลีกโดยลดแรงงานด้วยมือที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตราคาลงอย่างมาก
ระบบควบคุมแบบรวมศูนย์ที่จัดการป้ายราคาดิจิทัลมอบประโยชน์อย่างมากให้กับผู้ค้าปลีก โดยหนึ่งในนั้นคือการลดข้อผิดพลาดด้านราคา
ป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์มอบข้อได้เปรียบสำคัญในด้านการจัดการสินค้าคงคลังโดยการเชื่อมโยงกับระบบซอฟต์แวร์การจัดการสินค้าคงคลัง
ป้ายราคาดิจิทัลทำให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลสำคัญทั้งหมดเกี่ยวกับสินค้านั้นได้ทันทีที่ต้องการ ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการช้อปปิ้งของผู้คนในปัจจุบัน ลูกค้าสามารถสังเกตเห็นการลดราคาได้ทันที ตรวจสอบว่าสินค้ายังมีสต็อกหรือไม่ และอ่านรายละเอียดสินค้าแบบครบถ้วน โดยไม่ต้องถามพนักงาน เท่าที่การวิจัยแสดงให้เห็น ความโปร่งใสในเรื่องราคาช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าโดยรวม และยังช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์อีกด้วย ผู้คนรู้สึกชื่นชอบเมื่อได้เห็นการเปลี่ยนแปลงราคาแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความไว้วางใจระหว่างลูกค้ากับร้านค้า และเมื่อความไว้วางใจนั้นเกิดขึ้นแล้ว ลูกค้าก็มักจะกลับมาซื้อสินค้าซ้ำอีกครั้งและอีกครั้ง
หน้าจอดิจิทัลภายในร้านค้ากำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ขณะกำลังซื้อของ โดยหลักๆ แล้วเป็นเพราะหน้าจอเหล่านี้สามารถแสดงข้อเสนอส่วนบุคคลและโปรแกรมสะสมคะแนนได้ตรงจุดที่ลูกค้ายืนอยู่ ร้านค้าที่ติดตั้งหน้าจอแบบนี้มักรายงานว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เนื่องจากลูกค้ามักใช้เวลานานขึ้นในการดูสินค้าและเรียนรู้ถึงจุดเด่นเฉพาะตัวของแต่ละแบรนด์ จากการศึกษาล่าสุด พบว่าสถานที่ค้าปลีกที่นำกลยุทธ์แบบมีปฏิสัมพันธ์เช่นนี้ไปใช้ ลูกค้าจะใช้เวลาอยู่ในร้านนานขึ้นเฉลี่ยประมาณ 30% ซึ่งส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เมื่อลูกค้าได้เห็นข้อเสนอที่ถูกปรับแต่งมาเฉพาะสำหรับตนเองปรากฏขึ้นบนหน้าจอ พวกเขาก็เริ่มสัมผัสสินค้า สอบถามข้อมูล และโดยรวมแล้วมีประสบการณ์การซื้อของที่ดีกว่าที่เคย
ป้ายราคาดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการทำให้ธุรกิจค้าปลีกแบบหลายช่องทางดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยรักษาให้ราคาสินค้าเหมือนกันไม่ว่าลูกค้าจะเลือกชมสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์หรือเดินดูในห้างร้าน เมื่อราคาสินค้าตรงกันทุกที่ที่ลูกค้าเข้าถึง ผู้บริโภคจึงมั่นใจในการตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับราคาที่ไม่เป็นธรรมจากที่อื่น ผู้ค้าปลีกที่ติดตั้งป้ายแสดงราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์บนชั้นวางสินค้า มักจะสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้ และยังคงมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอีกด้วย จากประสบการณ์จริง: เมื่อร้านค้าสามารถรักษาความสม่ำเสมอของราคาทุกจุดที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ ลูกค้าก็จะไม่เกิดความสับสน และเริ่มมองว่าแบรนด์นั้นน่าเชื่อถือ แทนที่จะรู้สึกว่าไม่น่าไว้วางใจ
ด้วยเทคโนโลยีอีอิงค์ (E-Ink) ร้านค้าสามารถเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าได้แบบทันที ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ตลาดและราคาที่คู่แข่งกำหนดได้รวดเร็วขึ้น สำหรับธุรกิจในปัจจุบัน ความยืดหยุ่นแบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่ควรมีไว้เผื่อสะดวก แต่แทบจะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบางรายชี้ให้เห็นว่า เมื่อร้านค้าสามารถปรับราคาสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ยอดขายมักเพิ่มขึ้น เนื่องจากสินค้าสอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการในแต่ละช่วงเวลา ร้านค้าที่สามารถปรับราคาได้ทันในช่วงที่ลูกค้ากำลังซื้อของ มักเห็นการเคลื่อนไหวของสต็อกสินค้าดีขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมากในบางตลาด เช่น เสื้อผ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งการปล่อยสินค้าเก่าออกจากระบบได้อย่างรวดเร็ว คือสิ่งที่กำหนดว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน
สิ่งที่ทำให้จอแสดงผล E Ink มีประโยชน์อย่างมากสำหรับร้านค้า คือความสามารถในการเปลี่ยนแปลงราคาและโปรโมชันได้เกือบจะในทันที ผู้ค้าปลีกสามารถปรับเปลี่ยนสิ่งที่แสดงอยู่ได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจในช่วงข้อเสนอจำกัดเวลาที่กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อของโดยไม่คิดไตร่ตรอง ข้อมูลจากโลกแห่งความเป็นจริงบางส่วนแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจที่เปลี่ยนมาใช้ป้ายราคาดิจิทัลเหล่านี้มักจะเห็นยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 20% ในช่วงเวลาลดราคา หน้าจอมีความโดดเด่นมากกว่าป้ายกระดาษทั่วไป ทำให้ผู้ซื้อสังเกตเห็นข้อเสนอพิเศษขณะเดินผ่านทางเดินในร้าน คนมักจะหยุดและพิจารณาสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับจอแสดงผลที่สว่างและชัดเจนเหล่านี้ ร้านค้ารายงานว่า เห็นลูกค้ามีแนวโน้มหยุด linger อยู่บริเวณดังกล่าวมากขึ้น พิจารณาข้อเสนอพิเศษ และในที่สุดใช้จ่ายเงินมากกว่าที่วางแผนไว้แต่แรก
เมื่อ AI พบกับป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์ (ESLs) เราจะได้การเปลี่ยนแปลงราคาอัจฉริยะที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ และพฤติกรรมการช้อปปิ้งของพวกเขา ร้านค้าสามารถนำเสนอข้อเสนอพิเศษได้ทันทีที่ผู้ซื้อกำลังต้องการมากที่สุด ซึ่งช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำและเพิ่มยอดขายโดยรวม งานวิจัยล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดชี้ให้เห็นว่า เมื่อร้านค้าสามารถปรับแต่งประสบการณ์การช้อปปิ้งให้เป็นส่วนตัว ลูกค้ามักจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นระหว่าง 5% ถึง 15% ต่อการมาเยือนแต่ละครั้ง ในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์พัฒนาจนเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้ดีขึ้น ความเชื่อมโยงระหว่าง AI และเทคโนโลยี ESL น่าจะยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากขึ้น ผู้ค้าปลีกจะได้เห็นวิธีการตั้งราคาที่ชาญฉลาดและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลดีทั้งต่อกิจการและลูกค้าประจำ
การเปลี่ยนมาใช้ป้ายราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์นั้นแสดงถึงความก้าวหน้าที่แท้จริงในความพยายามด้านความยั่งยืน ช่วยลดขยะกระดาษจำนวนมากที่เกิดจากสติกเกอร์ติดราคาแบบเดิม ลองคิดดูว่าทุกปีมีการตัดไม้ล้านต้นเพื่อผลิตสติกเกอร์เล็กๆ ที่เราเห็นตามร้านค้าต่างๆ โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของอเมริกาเหนือ เมื่อร้านค้าเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัล พวกเขาสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ พร้อมทั้งดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ลูกค้าเหล่านี้เริ่มมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าแค่เรื่องราคาเพียงอย่างเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ค้าปลีกขนาดใหญ่หลายรายได้เปลี่ยนมาใช้ระบบดังกล่าวแล้ว เนื่องจากมีเหตุผลทางธุรกิจที่สมเหตุสมผล ต้นทุนที่ลดลงในระยะยาว และภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดีขึ้นในหมู่ผู้บริโภคที่ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่แค่แฟชั่นผ่านหน้าหนาว แต่เป็นแนวทางที่จะอยู่กับเราอย่างยั่งยืน
ผู้ค้าปลีกพบว่าการเปลี่ยนไปใช้หน้าจอแสดงผลแบบอีอิงค์ที่ประหยัดพลังงานนั้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริงในระยะยาว เนื่องจากหน้าจอประเภทนี้ใช้พลังงานน้อยกว่าป้ายกระดาษทั่วไปมาก การคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนทำให้เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน บางร้านค้ารายงานว่าประหยัดเงินได้หลายพันดอลลาร์ต่อปี เพียงแค่ไม่ต้องเปลี่ยนฉลากที่พิมพ์บนกระดาษอย่างต่อเนื่อง การวิจัยชี้ให้เห็นว่า บริษัทส่วนใหญ่สามารถคืนทุนจากการลงทุนในเทคโนโลยี ESL ได้ภายในประมาณ 24 เดือน จากการลดต้นทุนทั้งในด้านเวลาการทำงานของพนักงานที่ใช้ในการปรับปรุงราคา และค่าใช้จ่ายในการพิมพ์วัสดุต่าง ๆ ที่ลดลง นอกจากประโยชน์ทางด้านต้นทุนแล้ว ยังมีมุมมองด้านสิ่งแวดล้อมที่ควรพิจารณาด้วย สำหรับผู้ค้าปลีกทุกคนที่ต้องการอยู่เหนือคู่แข่ง ขณะเดียวกันก็ควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้อยู่ในเกณฑ์ได้ การเปลี่ยนไปใช้ป้ายราคาแบบดิจิทัลบนชั้นวางสินค้า ถือเป็นทางเลือกที่ชัดเจนและให้ประโยชน์ตอบแทนในหลายด้าน
เมื่อวอลมาร์ทเริ่มใช้งานป้ายราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESL) ทั่วทั้งสาขาของพวกเขา บริษัทได้เห็นการประหยัดค่าใช้จ่ายที่เป็นรูปธรรมในงบกำไรขาดทุน บริษัทรายงานว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับป้ายราคาแบบดั้งเดิมได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ลองนึกภาพพนักงานจำนวนมากที่เคยต้องเปลี่ยนราคาบนป้ายกระดาษด้วยมือทุกๆ วัน — ตอนนี้จินตนาการถึงการประหยัดต้นทุนแรงงานเช่นนั้น การเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลนี้ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ทางด้านตัวเลขเท่านั้น ผู้ค้าปลีกที่มองไปที่ประสบการณ์ของวอลมาร์ทยังสามารถเห็นได้ว่าการเปลี่ยนมาใช้ระบบกำหนดราคาแบบดิจิทัลนั้นมีความหมายทั้งในแง่การเงินและด้านสิ่งแวดล้อม ร้านค้าหลายแห่งต่างก็เริ่มปรับเปลี่ยนแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับพวกเขา แม้ว่าเราจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้ค้าปลีกทั้งหมดจะเปลี่ยนผ่านมาใช้เทคโนโลยีนี้เมื่อใด แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ เทคโนโลยี ESL กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของธุรกิจเกี่ยวกับการดำเนินงานภายในร้านค้า ขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาโลกของเราด้วย
ข่าวเด่น2024-09-14
2024-11-18
2023-11-14
2023-04-12
2019-07-11